"วิเชียรมาศ" แมวไทยโบราณ ที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์
ถ้า คุณเข้าไปที่ www.แมวไทย.com คุณจะได้พบเห็นเรื่องราวที่น่าสนใจของแมวพันธุ์วิเชียรมาศ ได้ชมภาพน่ารัก ได้รู้เรื่องราวประวัติความเป็นมา มีบทความ เว็บบอร์ด และสาระน่ารู้อื่นๆ เกี่ยวกับแมวพันธุ์นี้มากมาย เจ้าของเว็บไซต์นี้คือ คุณปรีชา วัฒนา อายุ 64 ปี คุณปรีชาเกี่ยวข้องกับเว็บดังกล่าวได้อย่างไร เดี๋ยวค่อยรู้กัน แต่ตอนนี้มาทำความรู้จักตัวตนของชายผู้นี้เสียก่อน
คุณปรีชา วัฒนา เป็นคนจังหวัดตราด มาโตและเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เคยฝันว่าจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น แต่ต้องผิดหวังเมื่อบุพการีได้เสียชีวิต เลยต้องกลับไปสู่บ้านเกิดที่เกาะไม้ซี้ (ตรงข้ามเกาะกูด) เพื่อไปรับช่วงงานต่อจากบิดา คือการทำสวนยาง และสวนมะพร้าว
จน กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา ทำให้ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ อีกครั้ง ในฐานะมนุษย์เงินเดือน ทำงานอยู่เป็นเวลากว่า 30 ปี จนเกษียณอายุงานในตำแหน่งฝ่ายจัดซื้อของภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น
ขณะ เดียวกันเขาพยายามดิ้นรนตัวเองเพื่อจะได้เป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ประสบความล้มเหลวหลายครั้ง หรือแม้แต่วนเวียนอยู่ในวงการอาหารญี่ปุ่น กระทั่งเคยไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดเล็กตามห้างดังหลายแห่ง
ระหว่าง นั้นเกิดสนใจการถ่ายรูป และตั้งใจว่าจะยึดอาชีพถ่ายรูปเป็นงานอิสระภายหลังเกษียณ จึงได้ไปเข้าคอร์สร่ำเรียนถ่ายรูปแบบมืออาชีพอยู่สัก 3 ปี
เลี้ยงครั้งแรก
เพราะสนใจที่มีแต้มเป็นจุดเด่น
แต่ สำหรับแมววิเชียรมาศนั้น เขาสนใจเลี้ยงมาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงที่ยังคงทำงาน เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่จริงจังลึกซึ้ง ด้วยเหตุผลอันเกิดมาจากเสน่ห์ของแต้มสีที่ปรากฏขึ้นตามตัว จำนวน 9 แห่ง รวมถึงลักษณะโครงสร้าง รูปร่างที่โดดเด่นสมส่วน
ภายหลังเลี้ยงมาได้ ระยะที่พร้อมผสมพันธุ์ คุณปรีชา ได้นำแมวของเขาไปผสมกับแมววิเชียรมาศตัวผู้สายพันธุ์แท้ของนักอนุรักษ์แมว ไทยท่านหนึ่งคือ คุณปรีชา คุปตะบุตร ที่อัมพวา และได้พยายามผสมนานกว่า 3 ปี จึงได้วิเชียรมาศตัวน้อยหลายตัวมาชื่นชม
หลังจากที่มีสมาชิกวิเชียร มาศตัวน้อยขึ้นมาหลายตัว คุณปรีชาคิดว่าต้องการจะแพร่กระจายสายพันธุ์นี้ไปยังกลุ่มที่ฝักใฝ่รสนิยม เดียวกัน และคิดต่อไปอีกว่าหากขายอยู่ที่บ้านคงไม่มีใครรู้จักแน่ อีกทั้งการมีอายุมากขนาดนี้คงไม่มีปัญญาไปต่อสู้กับโลกภายนอกเป็นแน่
ดัง นั้น เขาจึงไปอบรมเรียนรู้การทำเว็บไซต์พร้อมกับอบรมการค้าขายบนอินเตอร์เน็ต แล้วกลับมาเปิดเว็บเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า www.แมวไทย.com เพื่อนำแมววิเชียรมาศไปขายบนสื่อออนไลน์
ความคิดของคุณปรีชาเป็นไป ตามแผน เมื่อมีลูกค้าสนใจหลายรายติดต่อเข้ามาซื้อลูกแมวที่มีอายุได้ 2 เดือน จากนั้นคุณปรีชาจึงเติมเต็มความน่าสนใจในด้านต่างๆ ตลอดจนนำวิชาความรู้จากการเรียนถ่ายรูปมาใช้ถ่ายรูปแมวสวยๆ ลงไปในเว็บเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาชมสินค้าให้มาก และผ่านมาเพียง 2 ปี มีคนเข้ามาชมเว็บแล้วเป็นหลักแสนคน
"ตัวเลขนี้มีความหมาย เพราะเป็นแรงกระตุ้นพลังให้ก้าวต่อไป แม้วัยจะล่วงเลยมากกว่า 60 ปี แล้วก็ตาม และคิดว่าขณะนี้ถือว่าสามารถสร้างรายได้บนโลกออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์ในระดับ หนึ่ง เพียงแค่คุณพิมพ์ คำว่า "แมวไทย" เท่านั้น เว็บ แมวไทย.com ของผมจะปรากฏขึ้นมาทันที"
ส่วน แมววิเชียรมาศ พอมีทายาทแล้ว คุณปรีชา พยายามเสาะหาว่าใครที่เก็บแมววิเชียรมาศพันธุ์แท้สวยๆ ไว้บ้าง จึงมองไปที่สนามแข่งขันประกวดแมว เพราะรู้ดีว่าอย่างไรก็ตาม คนที่ชนะเลิศต้องเก็บแมววิเชียรมาศแท้ไว้ จึงไปซื้อลูกแมวมา ทั้งนี้ เพื่อนำลูกแมวมาต่อยอดขยายพันธุ์ และเห็นว่าการใช้วิธีนี้มาถูกทาง เพราะต้องการรักษาพันธุ์แท้ที่มีสายเลือดนิ่งเท่านั้น และทุกตัวต้องเหมือนพ่อ-แม่
เจ้าของ www.แมวไทย.com เปิดเผยถึงเหตุผลที่เลือกวิเชียรมาศเป็นแมวตัวแรก เพราะสะดุดที่ตำแหน่งแต้มและเห็นว่ายังคงเป็นแมวไทยโบราณที่มีเสน่ห์ อีกทั้งอาจจะถือว่าประเทศไทยมีแมวไทยที่เป็นหนึ่งในเอเชียที่มีความคงเส้นคง วาไม่ผันแปรในเรื่องของเอกลักษณ์เฉพาะ
แนะ...วิธีดู วิเชียรมาศ ของแท้
เขา บอกถึงการพิสูจน์แมววิเชียรมาศว่า ยังคงเป็นสายพันธุ์แท้จริงหรือไม่นั้น ควรจะเริ่มต้นดูจากต้นทางคือคนเลี้ยงเป็นหลัก ทั้งนี้ ต้องดูว่าบ้านหลังนี้เลี้ยงแมวชนิดนี้กันอย่างไร มีความเหมือนพ่อ-แม่ หรือไม่ มีการสืบทอดอายุมาสักกี่รุ่น ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าใครเลี้ยงแมววิเชียรมาศจริงหรือผสม
"ผม ยืนยันว่าแมวพันธุ์นี้ที่เป็นพันธุ์แท้ยังคงมีอยู่มาก เพียงแต่หาดูยาก หาซื้อยาก เพราะมีคนที่พยายามจะปลอมแมวพันธุ์นี้และหลอกขายทางอินเตอร์เน็ต ตัวละ 2,000 บาท ขึ้นไป ดังนั้น หากใครมาเจอผมแล้วจะบอกว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจซื้อ เพราะหากคิดว่าผมตั้งราคาสูง ให้ไปลองเสาะหาที่อื่นก่อน อาจขอเขาดูครอบครัวของแมวตัวที่จะซื้อก่อน
ทั้งนี้ ควรดูหลายตัวมิใช่ดูแค่ตัวสองตัว ควรดูพี่น้องทุกตัว และเมื่อพิสูจน์ว่าแมวหลายตัวมีลักษณะทั้งรูปร่าง สีสัน ลาย เหมือนกัน สามารถซื้อได้ทันทีเลยบ้านไหนก็ได้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่เคยพบว่าสามารถแสดงให้ดูแมวได้ทั้งครอบครัว เพียงแต่นำตัวที่เหมือนพ่อ-แม่ ออกมาให้ดูเท่านั้น แต่ที่เหลือไม่ใช่ ส่วนแมวที่ผมเลี้ยงคุณสามารถตรวจสอบได้ทุกตัว แถมยังเป็นครอบครัวใหญ่เสียด้วย มีทุกตัวเหมือนกัน"
คุณปรีชา อธิบายถึงลักษณะเด่นประจำพันธุ์ของวิเชียรมาศว่า หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วจะมีสีเข้มให้เห็นเด่นชัด จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ที่เท้า 4 เท้า ใบหู 2 ข้าง ที่ใบหน้า 1 แห่ง ที่หาง 1 แห่ง และตำแหน่งสุดท้ายอาจจะเห็นเด่นชัดหรือไม่ก็ได้คือที่อวัยวะเพศ
หาก เป็นแมวตัวผู้จะเห็นชัดเจน แต่พอเป็นตัวเมียจะเห็นลำบากและเลือนราง ดังนั้น นักเลี้ยงบางคนจึงอาจขาดความมั่นใจนักสำหรับวิเชียรมาศตัวเมีย แต่อย่างไรก็ตาม อาจต้องพิจารณาจากเหตุผลอื่นประกอบด้วย สำหรับลำตัวนั้นวิเชียรมาศจะมีสีขาวนวล
"มีหลายคนมักสับสนระหว่างแมว วิเชียรมาศกับแมวเก้าแต้ม คือมักเข้าใจว่าเป็นแมวพันธุ์เดียวกันอันเพราะใช้แต้มเป็นเกณฑ์ตัดสิน แต่แท้จริงแล้ว แมวเก้าแต้ม ตามหลักฐานตำราของวัดอนงค์ กล่าวว่า จะต้องเป็นแมวที่มีพื้นสีขาวและมีแต้มดำ จำนวน 9 แห่ง บนลำตัว"
แมวไทยโบราณหดหาย
เพราะไม่ช่วยกันอนุรักษ์
คุณ ปรีชา ยังบอกต่ออีกว่า ปัจจุบันแมวไทยดั้งเดิมที่เหลืออยู่น่าจะประมาณ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ วิเชียรมาศ โคราช ศุภลักษณ์ และโกญจา ส่วนขาวมณีก็เป็นแมวไทยแต่ไม่ได้ระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ
ความที่ ผูกพันกับแมววิเชียรมาศ จึงทำให้ความรู้สึกของคุณปรีชาเปลี่ยนจากการค้าขายไปสู่การอนุรักษ์สาย พันธุ์ คุณปรีชา บอกว่าการที่ประเทศไทยมีแมวโบราณหลายสายพันธุ์นั้นถือเป็นความน่าภูมิใจ แต่เมื่อแมวพันธุ์แท้เหล่านี้ไปผสมข้ามสายพันธุ์ทำให้เกิดเป็นพันทางแล้ว และหากไม่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ต่อไปแมวไทยโบราณคงมีเพียงชื่อและรูปให้คนรุ่น หลังรู้จักเท่านั้น
ด้วยเหตุผลประการทั้งปวง จึงทำให้ชายผู้นี้กระโดดเข้ามาสู่กิจกรรมการอนุรักษ์แมวไทยโบราณและแมว ทั่วไปอย่างเต็มตัว ทั้งเรื่องการจัดทำหมันแมว การช่วยเหลือแมวจรจัด เป็นต้น
คุณปรีชา บอกต่อไปอีกว่า เหตุผลที่ว่า ทำไม วงการแมวจึงมองดูแคบ และมักไม่ค่อยมีกิจกรรมการรับรู้ดั่งเช่นวงการสุนัข เพราะมีหลายคนที่มีแมวพันธุ์ดีๆ สวยๆ แต่เขาเหล่านั้นมักจะไม่เปิดเผยหรือนำมาอวดเท่ากับคนเลี้ยงสุนัข และคุณมักจะเห็นตามสถานที่ต่างๆ ที่มักจะมีคนจูงสุนัขมากกว่าอุ้มแมว ด้วยเหตุผลเพราะแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของ และมักไม่ถูกปล่อยออกมาเพ่นพ่าน
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้น กับแมววิเชียรมาศนั้น คล้ายกับการที่คุณเลี้ยงเด็ก ซึ่งต้องมีความเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าปล่อยไม่ดูแลสุขอนามัยที่ดีแล้วก็จะขี้โรค อ่อนแอ ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนให้ครบทุกชนิด
ขายอาหาร
และอุปกรณ์แบบเดลิเวอร์รี่
ใน www.แมวไทย.com ที่คุณปรีชาเปิดขึ้นมา นอกจากเรื่องราวต่างๆ ของวิเชียรมาศแล้ว คุณจะพบกับการจำหน่ายอาหารและของใช้แมว คุณปรีชา บอกว่า เมื่อเลี้ยงแมวจำนวนมากขึ้น มีความจำเป็นต้องเพิ่มอาหาร ซึ่งการสั่งซื้อทีละเล็กละน้อยคงไม่คุ้ม ดังนั้น จึงสั่งอาหารมาไว้ในครั้งละมากๆ คราวนี้พอขายแมว ลูกค้าบางรายสนใจอาหาร จึงสั่งพ่วงไปกับการซื้อแมวด้วย และสั่งตลอดต่อเนื่องกันจนทุกวันนี้
นอกจาก นั้น ยังมีลูกค้าบางคนที่อาจจะไม่ได้เลี้ยงแมววิเชียรมาศและมีความสนใจอาหารที่ ใช้อยู่เหมือนกัน เพราะลูกค้าเห็นในเว็บที่ขายอยู่ อันนี้เราบริการส่งให้ถึงที่ แต่ต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
สุดท้าย คุณปรีชา ฝากว่าอยากให้คนไทยรักความเป็นไทย ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงสุนัขหรือแมวก็ตาม ควรคำนึงถึงความเป็นไทยให้มาก ทั้งนี้ เพราะการเลี้ยงสัตว์ที่เป็นของไทยเราเองอาจบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ใน ความเป็นไทย และเกิดความภาคภูมิใจ
"ขอให้เลี้ยงในแบบของการอนุรักษ์ และควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ควรจัดให้ผสมพันธุ์แบบคลุมถุงชน อย่าปล่อยให้แมวไปผสมพันธุ์แบบเสรี เพราะวิเชียรมาศควรผสมกับวิเชียรมาศเท่านั้น ถ้าไปผสมกับพันธุ์อื่นจะกลายเป็นพันทางทันที
ดังนั้น เมื่อได้ของดีไปแล้วควรรักษาให้ยืนยาวต่อไป อย่าให้มันกุดหรือสั้นเพราะรุ่นเรา เพราะการอนุรักษ์ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด หากอยู่ที่คุณจะใส่ใจมากน้อยเท่านั้น และหากมีข้อสงสัยอยากสอบถามเรื่องการเลี้ยงแมววิเชียรมาศ โทรศัพท์ไปหาผมได้ที่ (089) 777-1621, (02) 233-9252 ยินดีให้คำปรึกษา และพร้อมให้รายละเอียดเกี่ยวกับแมวไทยพันธุ์อื่นที่คุณต้องการรู้"
อยาก เชิญชวนทุกท่านที่ชอบแมวพันธุ์แท้เข้าไปชมความสวยงามของ วิเชียรมาศ ได้ที่ www.แมวไทย.com กันมากๆ เพราะถือเป็นการเติมพลังให้แก่ชายคนนี้เพื่อให้มีแรงสู้ต่อไป...
แมวพันธุ์วิเชียรมาศ
แมวสยามที่คงความมีเสน่ห์ตลอดกาล
แมว วิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้ม คือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิด เพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปาก เป็น 1 แห่ง กับขาทั้ง 4 หู 2 หาง 1 และที่อวัยวะเพศอีก 1 รวมเป็น 9 แห่ง เช่นกัน
ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่า ต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 แมวไทย 17 ชนิด ในพระราชวังของกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกพวกพม่าและเชลยได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าอีกชนิดหนึ่ง
เนื่องจาก แมวไทยในกรุงศรีอยุธยาสามารถซื้อขายได้ถึง 1 แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์พุทธสโรได้ไปเมืองกรุงศรีอยุธยาที่ร้างแล้ว ได้ไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
- ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้ง 2 ข้าง เท้าทั้ง 4 หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับ จนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
- ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
- ลักษณะของนัยน์ตา : ตามีสีฟ้า
- ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
- ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตา 2 ข้าง เป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
อ้างอิงจาก หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้านในเครือมติชน
เรียบเรียงโดย ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา