สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แมวไทย ร่องรอยแห่งความรุ่งเรืองและการกลับมาของ แซมเสวตร

แมวไทย ร่องรอยแห่งความรุ่งเรือง
      
       สำหรับคนในวงการสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะคนที่รักแมวนั้นย่อมทราบกันดีว่าแมวไทยนับเป็นหนึ่งในแมวพันธุ์ที่ มีชื่อเสียงที่สุดในโลกพันธุ์หนึ่งทีเดียว นับตั้งแต่สมัยรัชกาล 5 ที่นายโอเวน กูลด์ (Owen Gould) นำแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งกลับอังกฤษแล้วไปจดทะเบียนเป็น Royal Siamese Cat จนเกิดการตื่นตัวในหมู่ฝรั่งตั้งสมาคมกันใหญ่โตในเวลาต่อมา
      
       มีร่องรอยว่าสมัยนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงเลี้ยงแมวไทยไว้ในวังหลวงอยู่สองชนิดคือ แมววิเชียรมาศที่มีแต้มตามตัว และขาวมณีที่มีสีขาวตลอดทั้งตัว
       แมวไทย.com มีลูกแมววิเชียรมาศ แมวขาวมณีและมีอาหารแมว super cat กับทรายแมว ketty love มีบทความดีดีของแมวมาฝากัน แมวไทย.com เลี้ยงและอนุรักษ์สายพันธุ์แมววิเชียรมาศ แมวขาวมณีและมีอาหารแมว super cat กับทรายแมว ketty love ยาสามัญประจำบ้านแมว รวบรวมบทความเกี่ยวกับแมวมาฝากกัน
       ความจริงที่น่าอัศจรรย์คือ มีการค้นพบว่าในสมุดข่อยโบราณของวัดอนงคารามซึ่งเชื่อกันว่าตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยามีการบันทึกเรื่องแมวไทยไว้อย่างละเอียดรวมไปถึงตำราดูลักษณะแมวมงคลซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ โดยทั้งสองตำรามีการเขียนเรื่องของแมวไทยเอาไว้อย่างละเอียดถึง 23 สายพันธุ์ โดยระบุว่า 17 ชนิดหากเลี้ยงไว้แล้วจะเกิดมงคล อีก 6 ชนิดที่เหลือเป็นแมวที่มีลักษณะร้ายเลี้ยงไว้แล้วจะไม่เกิดมงคล*

 แน่นอน แมวดี 17 ชนิดที่ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทำให้พวกมันหายไปเกือบหมด จนปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่ชนิด และนับวันจะน้อยลงไปจากการผสมกับแมวธรรมดาทั่วไปทำให้ลักษณะเด่นของแมวไทย หายไปเรื่อยๆ ใครที่เลี้ยงแมวไทยขอให้ช่วยกันอนุรักษ์สายพันธุ์ ดูแลเค้าอย่าให้ผสมข้ามสาย แมวไทยอาจจะสูญพันธุ์ได้
      
       มีประจักษ์พยานบางอย่างชี้ว่าคนไทยทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในวงการเลี้ยงแมวลืมแมวไทยไปแล้วคือ บางครั้ง แมวไทยพันธุ์ "วิเชียรมาศ" ถูกเรียกและเข้าใจผิดว่าเป็นชนิดเดียวกันกับ "สีสวาด" (ความจริงคือแมวโคราช) และเมื่อไม่นานมานี้คนรักแมวไทยท่านหนึ่งเล่าให้เราฟังว่าคนชราอายุ 70 ปีซึ่งเป็นคนเก่าแก่บางคนยังเข้าใจว่า วิเชียรมาศเป็นแมวพันธุ์ดีจากต่างประเทศเสียด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่เจ้าเหมียวชนิดนี้มีนิสัยและสัญชาตญาณจะเป็นแบบไทยแท้เลยทีเดียวคือรัก อิสระสูงและเป็นตัวของตัวเอง
      
       จากการตรวจสอบข้อมูลในปี 2531 จนถึงปี 2547 สถานการณ์แมวไทยที่ผ่านมานั้นมีการค้นพบทั้งหมด 5 สายพันธุ์ คือ วิเชียรมาศ (Royal Siamese Cat) ที่มีตาสีฟ้าและมีแต้มสีน้ำตาลที่บริเวณต่างๆ 9 จุด (8 จุดในตัวเมีย) โคราช ซึ่งบ้านเกิดอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่คนไทยมักเรียกว่าแมวสีสวาด ขนของมันมีสีเหมือนเมฆฝน ต่อมาคือ ขาวมณี ที่มีสีขาวตลอดลำตัวและมีตาสีฟ้า เหลือง หรือมีทั้งสองสี (ตัวนี้ไม่ปรากฏในสมุดข่อยเพราะปรากฏขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5)
 เจ้าเหมียวตัวต่อมาคือ ศุภลักษณ์ (Burmese Cat) เรียกกันภาษาปากว่าทองแดง ขนของมันจะมีสีเป็นสนิมเหล็กทั้งตัว ตามีสีเหลืองอำพัน และตัวสุดท้ายที่คนไทยตั้งข้อรังเกียจ ทั้งที่ตามตำราถือว่ามันเป็นแมวดีก็คือ โกญจา (Black Bombay) ซึ่งมีขนสีดำตลอดทั้งตัวและมีนัยน์ตาสีเหลือง
เจ้าเหมียวตัวต่อมาคือ ศุภลักษณ์ (Burmese Cat) เรียกกันภาษาปากว่าทองแดง ขนของมันจะมีสีเป็นสนิมเหล็กทั้งตัว ตามีสีเหลืองอำพัน และตัวสุดท้ายที่คนไทยตั้งข้อรังเกียจ ทั้งที่ตามตำราถือว่ามันเป็นแมวดีก็คือ โกญจา (Black Bombay) ซึ่งมีขนสีดำตลอดทั้งตัวและมีนัยน์ตาสีเหลือง
 ในปัจจุบันการถามหาคนเลี้ยงแมวไทยนั้นยากเต็มที เนื่องจากความนิยมแมวต่างประเทศมีสูงมาก แทบไม่ต้องพูดถึงโกญจาซึ่งถูกเข้าใจผิดว่าเป็น "แมวผี" และถูกปล่อยปละละเลยอยู่ตามวัดวาทั่วไป หรือแมวศุภลักษณ์ที่ฝรั่งมักเข้าใจเป็น "แมวพม่า" แต่กลับปรากฏอยู่ในสมุดข่อยของไทย (เชื่อว่ามันถูกกวาดต้อนไปพร้อมๆ กับบรรดาเจ้านายอยุธยาเมื่อคราวกรุงแตกครั้งที่สองนั่นเองจนในที่สุดฝรั่งไป พบมันแล้วก็นำไปจดทะเบียนเป็น Burmese Cat) ซึ่งสองชนิดนี้ถือว่าอยู่ในสภาวะวิกฤต
      
       แต่ก็มีข่าวที่น่ายินดีว่าเมื่อเร็วๆ นี้ มีการค้นพบแมวไทยสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วจากบุคคลคนหนึ่ง
การกลับมาของ "แซมเสวตร"
      
       "เดือนที่แล้วพรรคพวกผมอยู่ที่ภาคใต้ ไปพบแมวอยู่ที่วัดตัวหนึ่ง มีขนขาวและขนสีดำแซมกัน เขาเลี้ยงเอาไว้อยู่ราว 7 เดือนเขาโทรศัพท์มาบอก พอฟังลักษณะแล้ว ผมก็เลยคิดว่าขนแบบนี้ลักษณะแบบนี้น่าจะเป็นแมวแซมเสวตร เลยให้เขาส่งขึ้นเครื่องมาให้ พอมาถึงแล้วก็ปรากฏว่านี่ไม่เคยพบมาก่อน ก็มาตรวจกับสมุดข่อยเบื้องต้นนี่ดูที่ตาก็ใช่เลย สมุดข่อยบอกว่าตาดั่งแสงหิ่งห้อย เปรียบน้ำทองทา"
  อารีย์ อยู่บำรุง รองประธานชมรมอนุรักษ์แมวสยามกล่าวขณะที่มือก็พลางอุ้มเจ้า "แซม" แมวที่เขาเชื่อว่าน่าจะเป็น "แซมเสวตร" แมวไทยโบราณออกมาให้เราดูภายในบ้านพักที่เต็มไปด้วยแมวไทยนานาชนิดของเขา

จากการสังเกตของเรา แมวตัวนี้มีขนสีขาวขึ้นแซมกับขนสีดำ หากใครนึกไม่ออกก็ลองนึกถึงคนที่แพ้ผมที่จะมีขนหงอกขึ้นแซมเป็นจุดๆ ไปทั่วภาพคงจะชัดเจนขึ้น
      
       ในสมุดข่อย กล่าวถึงลักษณะแมวตัวนี้เป็นโคลงสี่สุภาพไว้ว่า ...
      
                        ขนดำแซมเสวตรสิ้น          สรรพภางค์
                      ขนคู่โลมกายบาง                แบบน้อย
                      ทรงระเบียบสำอาง              เรียวรุ่นห์ งามนา
                      ตาดั่งแสงหิ่งห้อย                เปรียบน้ำ ทองทา
      
       ดังนั้นหากการค้นพบของเขาครั้งนี้ได้รับการยืนยัน ก็สามารถนับได้ว่านี่คือการกลับมาของแมวไทยโบราณอีกสายพันธุ์หนึ่งทีเดียว ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เพราะเปรียบกับการได้ "เอกลักษณ์" ของคนไทยกลับมาอีกอย่างหนึ่งหลังจากสูญหายไปนานหลายร้อยปี

  "อัตราการขยายพันธุ์สำเร็จหรือไม่นั้นผมยังบอกไม่ได้ แค่ได้มาก็เป็นโชคดีแล้วครับ ตอนนี้ตัวนี้เราแค่รู้ลักษณะภายนอกของมันว่าตรงตามสมุดข่อย ผมยังต้องนำมันไปตรวจสุขภาพอีก เพราะเราได้เขามาในแบบมาจากวัดเลย ยังไม่มีการตรวจสุขภาพอะไรแต่อย่างใด"
      
        อารีย์ยังเล่าถึงแผนการต่อไปถ้าจะเริ่มผสมพันธุ์เพื่อนำแซมเสวตร แมวไทยโบราณให้กลับคืนมาอีกครั้ง
 "คงต้องลองเอาตัวพ่อพันธุ์ที่เป็นสีดำมาผสมกับเจ้าแซมที่เป็นตัวเมีย ในครอกหนึ่งอาจได้ลูกแบบมันสักตัวก็ต้องเก็บ แล้วต้องลองผสมต่อกับตัวที่เป็นสีดำอีกทีหนึ่ง ซึ่งถ้าทำสำเร็จตัวนี้น่าจะกลายเป็นแมวไทยที่มีค่ามากทีเดียว เพราะไม่มีใครเคยมี มันน่ารักมากครับ ตัวนี้เป็นตัวเมีย ตอนนี้ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเรียก "เจ้าแซม" มาจากชื่อพันธุ์ของมัน"
      
       ตอนนี้เจ้าแซมมีอายุ 9 เดือน ซึ่งหากนับอายุขัยของแมวซึ่งอยู่ที่ 10-15 ปี ก็นับว่าเป็นโชคดีที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน อาจอาศัยระยะเวลาดังกล่าวขยายพันธุ์ของพวกมันให้มากขึ้น
"มันต่างกับแมวไทยตัวก่อนๆ ครับ ที่เรามีมันทั้งตัวผู้ตัวเมีย นี่มันมีตัวเดียว เราต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้มันกลับคืนมา ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากนักวิชาการที่มีความรู้ ผมกะจะไปที่มหาวิทยาลัยซึ่งมีผู้รู้เรื่องเหล่านี้"
      
       ซึ่งถ้าสำเร็จลงได้ด้วยดี ย่อมมีแมวไทยได้รับการจดทะเบียนขึ้นอีกพันธุ์หนึ่งในโลก นอกจากเดิมที่มี วิเชียรมาศ (Siamese Cat) , สีสวาดหรือโคราช , ศุภลักษณ์หรือทองแดง (Burmese Cat) และ โกญจา (Black Bombay) (จากข้อมูลเบื้องต้น ขาวมณียังไม่ได้รับการจดทะเบียน เพราะข้อถกเถียงทางวิชาการบางอย่าง) อยู่แล้ว
      
       "ถ้าสมมติว่ามันไปถึงขั้นจดทะเบียนก็ต้องใช้ชื่อสายพันธุ์ของมัน ถือเป็นแมวไทยอีกสายพันธุ์หนึ่งของโลก แน่นอนว่าตอนนี้หน่วยงานที่รับจดทะเบียนเขาย่อมยังไม่รับรอง มันต้องมีหลายตัวมากกว่านี้ รายละเอียดของการจดทะเบียนมันละเอียดอ่อนมาก ตอนนี้เราแค่มีหลักฐานจากสมุดข่อยเท่านั้น"
 ข้อคิดจากการกลับมาของเจ้าแซม
      
       ใครหลายคนดูสมุดข่อยแล้ว อาจวิจารณ์ว่า จะมีแมวเช่นที่ได้บันทึกไว้แน่หรือ เพราะสีสันและลักษณะที่ปรากฏแทบไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าเคยมีแมวไทยลักษณะเช่น นี้อยู่ในโลก
      
       แต่เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากคนเลี้ยงแมวอย่างคุณอารีย์ว่ามีแน่นอน โดยมีหลักฐานชัดเจน
      
       "เรื่องสมุดข่อยผมเชื่อนะครับ คนโบราณเขาไม่ได้คิดแล้ววาดขึ้นเองแน่ ถ้าเช่นนั้นทำไมแมววิเชียรมาศจึงมี ทองแดงจึงมี หรือแมวดอกเลา (สีสวาด) จึงมี เรื่องของเรื่องก็คือแมวไทยในสมัยก่อนสามัญชนไม่ได้เลี้ยง เป็นเจ้านายและขุนน้ำขุนนางเลี้ยงกันในวัง มันมีความพิเศษจึงมีการบันทึกเอาไว้ และน่าสังเกตว่าแมวไทยมีการยืนพื้นด้วยสีสองสีคือขาวและอีกสีหนึ่งคือค่อนไป ทางดำ แต่ปัจจุบันมันผสมมั่วเลยผิดลักษณะไปหมด ซึ่งไม่น่าจะยากหากต้องการจะนำมันกลับมา ขอแค่เจอเท่านั้น"
ใครหลายคนอาจจะตั้งข้อสังเกตว่า การสร้างแมวพันธุ์ใหม่ๆ นั้นไม่น่าจะยาก เหมือนการสร้างสายพันธุ์สุนัขที่เคยทำกันมาในอดีต จนปัจจุบันมีสุนัขที่เหมาะกับการใช้งานแบบต่างๆ ได้นับร้อยชนิด แต่ในสมัยอยุธยาที่เกิดสมุดข่อยขึ้นนั้น การทำเช่นนั้นก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนนั้นในแถบนี้ยังไม่เกิด Breeder หรือนักผสมพันธุ์มืออาชีพขึ้นแน่ ดังนั้นแมวพวกนี้จึงเป็นของเก่าแก่อย่างแท้จริงตามตรรกะ
      
       "ผมเชื่อว่าแมวไทยที่ปรากฎในสมุดข่อยแล้วเรายังไม่เจอยังคงหลงเหลือ อยู่อีกเยอะ แต่ตัวผมเองยังไม่มีเวลาไปเสาะหา ถ้าใครไปเจอแล้วไม่ใช่คนเลี้ยงที่มืออาชีพก็อยากให้ลองไปปรึกษาคนที่รู้ดู สามารถโทรศัพท์ถามผมก็ได้ครับ เพื่อที่จะได้รักษาสายพันธุ์ของมันไว้ต่อไป"
      
       เขายังบอกอีกด้วยว่าแมวไทยที่ยังไม่เจออีก 12 ชนิดนั้น ที่หายากที่สุดน่าจะเป็นแมวที่ชื่อ "นิลรัตน์"
 "เจ้าตัวนี้จะมีลักษณะคล้ายกับโกญจาที่มีสีดำ ตาสีเหลืองอำพัน เจ้านิลรัตน์นี่แม้กระทั่งเล็บและลิ้นก็จะเป็นสีดำทั้งหมดตามโคลงที่ว่า...
      
                       สมยานามชาติเชื้อ             นิลรัตน์
                     กายดำสิทธิสามรรถ             เลิศพร้อม
                     ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต              นิลคู่ กายนา
                     หางสุดเรียวยาวน้อม            นอบโน้ม เสมอเศียร "
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่แมวไทยสายพันธุ์หนึ่งกำลังกลับมาอยู่ ในแผ่นดินไทยแบบมีตัวตนและได้รับการดูแลรักษาเป็นเอกลักษณ์ของชาติต่อไป แต่กลับกันเรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือ ขณะที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังพยายามอนุรักษ์แมวไทยเอาไว้ คนเลี้ยงแมวอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนัยว่าเป็นส่วนใหญ่กลับนิยมไปเลี้ยงแมวจาก เมืองนอกโดยที่ละเลยแมวไทยไป
      
        ซึ่งสวนทางกับที่คุณอารีย์เล่าว่า มีฝรั่งหลายคนดั้นด้นมาจากยุโรป เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ หรือแม้กระทั่งอเมริกา มาที่บ้านของเขาเพื่อขอซื้อแมวไทยกลับไปเลี้ยงในราคาที่สูงลิบลิ่ว (ราว 20,000 บาท) ขณะที่คุณอารีย์พร้อมที่จะขายในราคาต่ำกว่าสำหรับคนไทยแต่ก็ไม่ค่อยจะมีใคร ซื้อสักเท่าไร ทุกวันนี้รายได้ของเขาจึงขึ้นกับชาวต่างประเทศส่วนหนึ่งและคนไทยจำนวนน้อย ที่นิยมซื้อแมวไทยให้กับเพื่อนชาวต่างชาติ
 "ตอนนี้ขายได้เรื่อยๆ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาก็มีคนไทยมาซื้อเป็นของขวัญให้ชาวต่างชาติเยอะ ไปญี่ปุ่นก็มี ส่วนมากจะนิยมแมวสีสวาด แต่ปีใหม่ล่าสุดนี่เอาทองแดงไปเยอะมาก ตอนนี้ผมก็ยังขายแมวราคาเดิม คนไทยราคาจะลดลง ต้องดูอะไรหลายอย่างครับ"
      
       จากประสบการณ์ของเรา คนที่เลี้ยงแมวไทยในปัจจุบันนอกจากคุณอารีย์แล้วก็น่าจะยังมี คุณลุงปรีชา พุคคะบุตร แห่งบ้านแมวไทยจังหวัดสมุทรสงครามอีก ท่านหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงแมวไทยจริงจังโดยยอมเข้าเนื้อขาดทุนในแต่ละเดือนเช่นเดียวกับคุณ อารีย์ที่ต้องหมดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร เรื่องยาและทรายไประดับหลักหมื่นบาท
แมวไทยที่มีลักษณะดีอีก 12 ชนิด (ตามตำราสมุดข่อย) ที่สาบสูญ
      
       1. นิลรัตน์ สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย
       2. วิลาศ มีลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย
       3. เก้าแต้ม มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย
       4. รัตนกำพล ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง
       5. นิลจักร มีลำตัวดำสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่รอบเหมือนกับปลอกคอ เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก
       6. มุลิลา ลำตัวดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเลี้ยงเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดี สมปรารถนา
       7. กรอบแว่น หรือ อานม้า มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตำลึงทองคำ และให้เกียรติยศแก่เจ้าของ
       8. ปัดเสวตร ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ
       9. กระจอก ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลำตัวกลมมีสีดำ รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะได้ที่ดินเงินทอง ไพร่ก็จะได้เป็นเจ้านายคน
       10. สิงหเสพย์ ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล
       11. การเวก ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาเป็นประกายสีทอง เชื่อกันว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะได้ยศศักดิ์และลาภจำนวนมาก
       12. จตุบท ตัวสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง
      
       "แน่นอนว่าถ้ามันใช่ก็ต้องมีการขยายพันธุ์กันต่อไป ผมกำลังจะให้นักวิชาการมาช่วยว่าจะผสมพันธุ์อย่างไร ตอนนี้ก็พยายามดูแลมันอย่างดี ก็กลัวมันหายเหมือนกันครับ มีหลายคนที่เขารู้ข่าวก็เข้ามาขอซื้อ เราก็ปฏิเสธไปไม่ขายแต่เขาก็ไม่ได้ระบุราคามา"
จากการสอบถามผู้รู้บางท่าน การนำแมวไทยที่มีลักษณะสมบูรณ์มารักษาสายพันธุ์ให้นิ่งนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการรักษาสายพันธุ์สุนัข คือต้องมีการ Breed หรือการผสมกันราว 3 รุ่น คือตั้งแต่ Generation ปัจจุบัน รุ่นลูก จนถึงรุ่นเหลน โดยต้องมีการคัดเลือกตัวที่มีลักษณะถูกต้องในแต่ละรุ่นมาผสมต่ออย่าง พิถีพิถัน จนรุ่นหลานเมื่อมีการผสมกันแล้วได้ลูกออกมาเป็นลักษณะที่ถูกต้องทุกตัว

Tags : แมวไทย.com เลี้ยงและอนุรักษ์สายพันธุ์แมววิเชียรมาศ แมวขาวมณีและมีอาหารแมว super cat กับทรายแมว ketty love ยาสามัญประจำบ้านแมว รวบรวมบทความเกี่ยวกับแมวมาฝากกัน

ความคิดเห็น

  1. 1
    ภุชชัชชา
    ภุชชัชชา จารุธรานนท์ 17/06/2014 13:13

    เป็นคนหนึ่งเหมือนกัน ที่รักแมวไทยและเลี้ยงแมวไทย เพราะมันเหมาะกับบ้านเรามากกว่า เลี้ยงง่าย น่ารัก แมวนอกดูแลยาก แต่ส่วนใหญ่มักมีคนแอบเอามาปล่อย เคยเก็บ ศุภลักษณ์มาเลี้ยง กับ โกณจา มาเลี้ยง ตอนนี้เสียแล้วทั้งคู่ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ แมวไทย สู้ๆค่ะ

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view